วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

การบ่มเชื้อ อุปสรรค ปัญหาและการแก้ไข

          
         หลังจากการใส่หัวเชื้อเห็ดลงไปแล้ว นำเอาไปบ่มในห้อง สาหรับการบ่มเชื้อ หรือ โรงเรือนสำหรับเปิดดอกเลยในระยะที่ทำการบ่มเชื้อนั้น ไม่มีการรดน้า ไม่ต้องการแสง ดังนั้นภายในโรงบ่มมีเพียงแสงสลัวๆก็พอ เพราะถ้าหากแสงมากเกินไปเส้นใยเห็ดจะเจริญช้า และต้องการอุณหภูมิห้องธรรมดา ประมาณ 24-28 องศา  ในการบ่มก้อนเชื้อเห็ดขอนขาว เห็ดบดจะใช้เวลาประมาณ 50 วัน เชื้อจะเดินเต็มถุง แล้วจึงจะนำไปเปิดปากถุง 
      การกระตุ้นให้ออกดอก เมื่อเส้นใยเห็ดเจริญเต็มวัสดุเพาะแล้ว สามารถนำไปกระตุ้นให้เกิดดอกได้ โดยเห็ดโคนญี่ปุ่นต้องการปัจจัยในการออกดอก ดังนี้
            1. ต้องการพักตัวในการสะสมอาหารก่อนการเปิดดอก
            2. อากาศในโรงเรือนมีการถ่ายเทของอากาศ ปานกลาง
            3. อุณหภูมิในช่วงของการเปิดดอก 24-30 องศาเซลเซียส
4. ความชื้นที่ต้องการ 80 - 85 %
5. ออกดอกรุ่นแรก 10 วัน 6. อายุดอก 1 วัน
7. เว้นระยะแต่ละรุ่น 15-20 วัน
8. จานวนครั้งที่มีดอก 12-18 ครั้ง
9. ผลผลิตเฉลี่ย/รอบ 20-25 กรัม 10. ผลผลิตเฉลี่ย/ก้อน 200-250 กรัม 11. ราคาประกันรับซื้อ 120 บาท/กก.
การดูแลรักษาสำหรับช่วงที่ทำให้เกิดดอกเห็ดนี้ ควรศึกษาสภาพแวดล้อม และปัจจัยที่มีผลกระทบต่อดอกเห็ดให้ถ่องแท้เพราะจะทำให้การแก้ปัญหา ได้ดียิ่งขึ้น ส่วนประกอบของเห็ดขอนขาว เห็ดบดที่ได้จากการเพาะ 100 กรัม (ดอกสด)        
ความชื้น 89.90 โปรตีน 2.73 ไขมัน 0.048 คาร์โบไฮเดรต 5.08 เยื่อใย 0.487 เถ้า 0.677 แคลเซี่ยม 6.44 เหล็ก 1.60 ฟอสฟอรัส 83.56 วิตามินบี 1 0.006 วิตามินบี 2 0.15 ไนอาซิน 3.11
              

           อุปสรรค ปัญหาและการแก้ไข ของเห็ดขอนขาว เห็ดบด (บางส่วน)เขี่ยเชื้อเห็ดลงไปแล้ว เส้นใยเห็ดไม่เจริญออกมาเป็นดอกเห็ด มีหลายสาเหตุ ด้วยกัน คือ **** เชื้อเห็ดตาย หรือเสีย **** ทำการเขี่ยเชื้อเห็ดในขณะที่ก้อนวัสดุยังร้อนเกินไป **** ก้อนวัสดุเพะมีก๊าซพิษ เช่น แอมโมเนียหลงเหลืออยู่ เชื้อเห็ดเจริญเติบโตไม่ถึงก้นถุงแล้วหยุดชะงัก อาจมีสาเหตุมาจาก **** ก้อนเชื้อเปียก หรือ มีความชื้นมากเกินไป **** อุณหภูมิห้องบ่มสูงเกินไป ในกรณีนี้ ควรทำการรดน้าที่พื้นโรงเรือน พร้อมทั้งเปิดประตู หรือฝาด้านข้างให้ลมโกรกเอาความร้อนออก
ดอกเห็ดที่เกิดรุ่นหลัง ดอกเห็ดแห้งเหี่ยวตาย อาจมีสาเหตุมาจาก **** เกิดจากการรักษาระดับความชื้นไม่พอดี ****รดน้ามากเกินเชื้อแบคทีเรียเข้าไปทำลายดอกเห็ด ดังนั้น ในระยะออกดอกอย่าพยายามรดน้ำให้ถูกดอกเห็ดมากเกินไป ควรรดเฉพาะที่พื้น ข้างฝา เพดาน และฉีดเป็นฝอยละเอียดไปที่ดอกเห็ดเล็กน้อย
ก้อนเชื้อหมดอายุเร็ว และให้ผลผลิตต่ำ **** วัสดุเพาะถูกหมักนานเกินไป ก่อนที่จะนำเอามาเพาะเห็ด **** ใช้ขี้เลื่อยไม่เนื้ออ่อนเกินไป **** มีการสะสมเชื้อโรคภายในโรงเรือน ทำให้เชื้อจุลินทรีย์เข้ามาทาลายเชื้อเห็ดได้

แหล่งอ้างอิง หนังสือชมรมคนรักเห็ด กรมวิชาการ กรุงเทพมหานคร ยูไนเต็ดโปรดักชั่น


วิธีการนึ่งฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ และ การเขี่ยเชื้อ

        การนึ่ง ฆ่าเชื้อนั้นจะนึ่งด้วยหม้อนึ่งแบบไหนก็ได้ สิ่งที่สาคัญที่สุดที่ควรระวัง คือ
        1. อุณหภูมิที่ใช้ คืออุณหภูมิน้ำเดือดธรรมดา 98-100 องศาเซลเซียส 
        2. ต้องไล่อากาศออกให้สม่ำเสมอ เพราะนอกจากนึ่งเพื่อฆ่าเชื้อโรคแล้ว จะต้องไล่ก๊าซพิษออกให้หมด ด้วยวิธีการทดสอบว่าไล่ก๊าซพิษออกหมดหรือยังให้สังเกตจากกลิ่นด้วยการผ่าก้อนเชื้อและดมดูหรือดมกลิ่นไอที่ระบายออกมาจากหม้อนึ่ง ขณะที่ทำการนึ่ง ใช้เวลาการนึ่งนับตั้งแต่น้าเดือดพ่นออกจากปากท่อระบายไอออกอย่างสม่าเสมอ จึงทาการจับเวลา การจะใช้เวลานานเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของหม้อนึ่งโดยปกติหากเป็นหม้อนึ่งขนาดเล็กที่นึ่งได้ไม่เกิน 100 ก้อน ใช้เวลานึ่งประมาณ 2 - 3 ชม. ขนาดไม่เกิน 1,000 ก้อน ใช้เวลานึ่ง 3 - 4 ชม.หากใหญ่กว่านั้นให้ใช้เวลา 4-6 ชม.
           3. เมื่อนึ่งสุกแล้ว เอาออกจากหม้อนึ่งไว้ในที่สะอาด จะให้ดีควรคลุมด้วยมุ้งผ้าฝ้าย เพื่อกันไม่ให้ฝุ่นหรือเชื้อโรคตกลงไป




การเขี่ยเชื้อ สำหรับหัวเชื้อที่ใช้ควรเป็นเชื้อบริสุทธิ์ไม่มีการถ่ายเชื้อหลายครั้งก่อนเขี่ยเชื้อควรทำการเขย่าเมล็ดข้าวฟ่างแยกออกจากกันก่อน 1-2 วัน  
1. เพื่อสะดวกแก่การนำไปใช้
2. เพื่อให้เมล็ดข้าวฟ่างแยกออกจากกัน เส้นใยเห็ดยังได้รับความบอบช้าอยู่ หากนำเอาไปใช้เลย อาจถูกเชื้อโรคเข้าไปทำลายหรือแข่งขันได้
3. เพื่อให้เชื้อเห็ดเจริญเข้าไปในเนื้อเมล็ดข้าวฟ่างมากขึ้น เพราะระยะแรกเส้นใยเห็ดเจริญเฉพาะบริเวณรอบๆเมล็ดนั้นจะทำให้ประหยัดและเชื้อเห็ดพุ่งแรงมาก
            4. ลดความเสี่ยงทั้งนี้เนื่องจาก หากเชื้อไม่บริสุทธิ์ หลังจากทาการเขย่าแล้วเชื้อคู่แข่งที่แฝงติดอยู่จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วกว่า เชื้อเห็ดจะไม่เจริญหรือเจริญไม่สม่าเสมอ ก็คัดทิ้งออกก่อนที่จะนาไปใช้เพราะหากเชื้อไม่บริสุทธิ์เมื่อเอาไปใช้ก้อนเห็ดที่ใช้หัวเชื้อขวดนั้นก็คงเสียทั้งชุดหัวเชื้อเห็ดที่ยังไม่นำไปใช้เมื่อเชื้อเห็ดเจริญเต็มเมล็ดข้าวฟ่างแล้ว หากยังไม่นำเอาไปใช้ควรทาการเขย่า แล้วเก็บไว้ในตู้เย็นชั้นแช่ผักที่อุณหภูมิประมาณ 8 - 10 องศาเซลเซียส จะเก็บได้นานเป็นเดือนก่อนใช้นำมาเขย่าเก็บไว้อีก 2 - 3 วัน เพื่อให้เส้นใยเห็ดฟื้นตัวเสียก่อน วิธีการเขี่ยเชื้อหลังจากที่ก้อนวัสดุเพาะที่ผ่านการนึ่งฆ่าเชื้อแล้ว ให้นาเอาเข้ามาในห้องที่สะอาดหรือสถานที่ที่ทำการเขี่ยเชื้อ ถ้าเป็นห้องเขี่ยเชื้อควรเป็นห้องที่สะอาด ก่อนและหลังการนำเอาของเข้ามาในห้องเขี่ยเชื้อ ควรทำความสะอาดพื้นห้องทุกครั้ง ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ น้ำยาคลอรีน ผสมน้ำเช็ดหรือถูพื้น ข้างฝาทุกๆ 10 - 15 วัน ควรปิดห้องเพื่อทำการอบฆ่าเชื้อในบรรยากาศหรือตามซอกตามมุม โดยใช้ด่างทับทิมผสมฟอร์มาลิน อบทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง หากไม่มีห้องเขี่ยเชื้อ ให้ใช้มุ้งผ้าฝ้ายที่สะอาดคลุมกองก้อนวัสดุเพาะแล้ว จึงทำการเขี่ยเชื้อเห็ดลงไปก่อนที่จะทำการเขี่ยเชื้อลงไปนั้นให้ใช้ แอลกอฮอล์ หรือ น้ายาคลอรีน เช็ดปากขวดหัวเชื้อเสียก่อน จากนั้นจึงเทหัวเชื้อใส่เข้าไปยังปากถุงอย่างรวดเร็วโดยการเปิดจุกประหยัดสาลีออก ใส่หัวเชื้อลงไป 15 - 20 เมล็ด ก็พอ รีบปิดปากถุงตามเดิมทันที จากนั้นจึงทาการเทหัวเชื้อในถุงต่อไปทันที หากเป็นไปได้ อย่าพยายามตั้งขวดหัวเชื้อขึ้น เพราะเท่ากับเป็นการดูดเอาอากาศที่สกปรกเข้าไป หัวเชื้อเห็ด 1 ขวด เขี่ยได้ 50 ถุง

วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ธาตุอาหารสำคัญที่เห็ดขอนขาวต้องการ


            ธาตุอาหาร (Nutrition) เห็ดเป็นพืชชั้นต่ำไม่สามารถสังเคราะห์อาหารเองได้(Hetrotroph)จึงจำเป็นต้องอาศัยอาหารสำเร็จรูปจากแหล่งต่างๆเช่นไม้ผุหรือปุ๋ยหมักเป็นต้น เป็นเห็ดที่มีน้ำย่อยที่สามารถย่อยอาหารเชิงซ้อน โดยเฉพาะ พวกที่ให้พลังงานได้เช่นธาตุคาร์บอนที่อยู่ในรูปเชิงซ้อน ได้แก่ พวกลิกนิน (Lignin) ฮิมิเซลลูโลส (Hemicellulouse) โดยเส้นใยเห็ดมีน้ำย่อยทำการย่อยธาตุอาหารด้วยตัวมันเองได้ และนำเอาไปใช้พลังงานที่ใช้ในการเจริญเติบโต และแบ่งเซลของมันจากเหตุผลดังกล่าว จึงสามารถใช้วัสดุเพาะโดยตรงได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องทำการหมัก เสียก่อนยกเว้น วัสดุบางชนิดที่มียางที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นใยเห็ด หรือ เป็นวัสดุที่แข็งยาว ยากต่อการนำเอาไปบรรจุในถุง เช่น ฟางข้าวต้น ข้าวโพด ขี้เลื่อยไม้เบญจพรรณ เป็นต้น ควรทำการหมักให้นิ่มก่อน หรือ ให้จุลินทรีย์ ช่วยย่อยให้ระดับหนึ่งก่อน แต่ไม่ถึงกับหมักจนเน่าสลายเหมือน การหมักปุ๋ยเห็ดฟาง
          ธาตุอาหารเกลือแร่และวิตามินหลัก ที่เห็ดต้องการมีเช่นเดียวกับพืชโดยทั่วไปจะต่างกันเพียงแต่รูปร่างของธาตุอาหารเท่านั้นเห็ดต้องการมากแต่มักจะขาดแคลนในปุ๋ยหมัก ได้แก่ คาร์บอน ไนโตรเจน ออกซิเจน เกลือแร่และวิตามิน ธาตุคาร์บอน (Carbon) สามารถใช้คาร์บอนที่สลับซับซ้อนได้ ดังนั้นการใช้วัสดุเพาะที่เป็นขี้เลื่อย จากไม้เนื้ออ่อนเหมือนเห็ดที่เพาะในถุงพลาสติกชนิดอื่น ได้แต่ถ้ามีการเติมแหล่งคาร์บอนที่อยู่ในรูปง่ายเช่นเซลลูโลสแป้งและน้าตาลเข้าเสริมในวัสดุเพาะ ในปริมาณที่พอควร เส้นใยของเห็ดก็จะเจริญได้ดี ธาตุไนโตรเจน (Nitrogen ,N.) เป็นเห็ดที่มีโปรตีนสูงมาก ไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของ โปรตีนโดยมีอยู่ประมาณ 16% ดังนั้นการเจริญเติบโตของเส้นใยเห็ดจะต้องอาศัย ไนโตรเจนเป็นอาหารที่สำคัญด้วย ไนโตรเจน ที่เห็ด สามารถนาไปใช้ได้ดีนั้น คือ ไนโตรเจนในรูปอินทรีย์สารที่ให้ผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นใยเห็ดมากที่สุด คือ โปรตีนที่มีอยู่ในรำละเอียด ใบกระถิ่นป่น แต่จากการศึกษาการใช้ไนโตรเจนในรูปของ อาร์จินีน (Arginine) จะช่วยในการกระตุ้นให้เห็ดออกดอกมากขึ้น และดีขึ้น เกลือแร่ (Minerals) เกลือแร่ก็เป็นอาหารที่สาคัญของเห็ดโดยแบ่งเป็นกลุ่มคือ: - ที่ต้องการมาก ได้แก่ ฟอสฟอรัส (P) โปรแตสเซียม (K) กามะถัน (S) แคลเซียม (Ca) แมกนีไซดร์(Mg) ที่ต้องการน้อย ได้แก่ โมลิปตินัม (Mb) โบรอน (B) ทองแดง (Cu) แมงกานีส (Mn) สังกะสี(Zn) และอื่นๆ ฟอสฟอรัส จากดับเบิลฟอตเฟสมีผลทาให้เส้นใยเห็ดแข็งแรงเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว ส่วนธาตุแมกนีเซียมที่อยู่ในรูปของดีเกลือ(MgSo4 7 H2O) และฟอสเฟตในรูป Potassium dihydrogen phosphate มีผลทาให้เส้นใยของเห็ดเจริญเติบโตเข้าไปในวัสดุเพาะ และ รวมตัวกันเป็นดอกเห็ดได้เร็วยิ่งขึ้น แต่หากใส่มากเกินไปดอกเห็ดจะมีก้านยาวสีซีดดอกเห็ดมีขนาดเล็ก ไม่ค่อยสมบูรณ์ หากนาไปผสมน้ารดตอนที่ดอกเห็ดเกิดเป็นดอกแล้ว ดอกเห็ดจะฝ่อตายได้ง่าย นอกจากนี้ยังพบว่าธาตุบางอย่าง เช่น โวเดียมที่มีอยู่ในรูปเกลือแกง NaCl มีผลยับยั้ง การเจริญเติบโตของเส้นใยเห็ด เป็นการยืนยันว่าพื้นที่ใดที่มีอิทธิผลของน้ำทะเลเข้ามาถึงน้ำที่มีความเค็ม เช่นน้ำกร่อยหากนามารดในวัสดุเพาะเห็ดจะให้ผลผลิตไม่ดีเท่าที่ควร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของน้ำทะเล หรือจำนวนเกลือแกง วิตามินหรือฮอร์โมน Vitamins จากการศึกษาพบว่ามีวิตามินบี (Thiamine) ในระดับความเข้มข้น0.5มิลลิกรัมต่อลิตรสามารถเร่งการเจริญเติบโตของเส้นใยเห็ดได้ ฮอร์โมน กิบเบอราอิค แอซิค Giberellic Acid ที่สกัดจากเชื้อราที่เรียกว่า Gibberella ferjikuroi (Saw) Wollen ขนาดความเข้มข้น 0.001% มีผลต่อการเจริญเติบโตของดอกเห็ดการใช้ปุ๋ยยูเรียจำนวนน้อย รดที่วัสดุเพาะหรือดอกเห็ดจะทำให้เส้นใยหนา ดอกเห็ดมีน้าหนักดี 

อุณหภูมิ และ ความชื้น ทำเหมาะสมสำหรับการเพาะเห็ด




              อุณหภูมิ Temperature อุณหภูมิก็นับว่ามีส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเส้นใยเห็ดอยู่ไม่น้อย อุณหภูมิ 24 - 30 C เป็นอุณหภูมิที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของเส้นใยและดอกเห็ด
              ความชื้น Humidity องค์ประกอบเห็ดทุกส่วน ไม่ว่าเส้นใยเห็ดหรือดอกเห็ด จะมีน้ำเป็นองค์ประกอบอยู่มากถึง 90% ยกเว้นสปอร์น้ำมีความจำเป็นต่อกระบวนการต่างๆ และการรักษาสภาพอุณหภูมิภายในเซลล์ ดังนั้นทุกขั้นตอนของการเพาะเห็ดโคนญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นช่วงของการเจริญ เติบโตของเส้นใยเห็ด การเกิดดอกการเจริญเติบโตของดอกเห็ดล้วน แต่ต้องการความชื้นสูง โดยปกติแล้วเว้นเสียแต่ระยะที่ทาให้เกิดดอกต้องเปิดปากถุงให้สัมผัสกับบรรยากาศ โดยจะต้องควบคุมบรรยากาศให้มีความชื้นสัมพัทธ์อยู่ระหว่าง 80-90 %

            อากาศ (Air) คาดว่าอากาศในที่นี้ หมายถึง ก๊าซออกซิเจนหรืออากาศบริสุทธิ์ จากภายในวัสดุเพาะหรือโรงเรือนเพาะเห็ด ทุกระยะของการเจริญเติบโตของเห็ด ล้วนแล้วแต่ต้องการอากาศในการหายใจทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะของการสร้างและการเจริญเติบโตของดอกเห็ด 
             แสง (Light) ช่วงที่เส้นใยเห็ดเจริญเติบโต ไม่ต้องการแสง ช่วงที่เส้นใยสะสมอาหารและกำลังจะรวมตัวเป็นดอกเห็ด พบว่าแสงมีความจำเป็นในการกระตุ้นให้เกิดเส้นใยของเห็ด รวมตัวกันเป็นดอกเห็ดแสงรำไรที่ส่องเข้าไปในโรงเรือนอย่างสม่าเสมอ และทั่วถึงจะทำให้ดอกเห็ดพัฒนาได้สมบูรณ์ดียิ่งขึ้นหากแสงไม่เพียงพอ ดอกเห็ดจะโน้มไปหาแสงที่มีความเข้มข้นสูง ในทางตรงข้าม หากแสงมากเกินไป ดอกเห็ดจะสีคล้าและแห้งง่าย 
              ความเป็นกรด-ด่าง (PH) ระดับความเป็นกรดเป็นด่าง ที่เห็ดโคนญี่ปุ่นต้องการอยู่ในระดับค่าเป็นกลาง 6.5-7.5

สูตรอาหารสำหรับเห็ด

           สูตรทั่วๆไป ขี้เลื่อยแห้ง 100 กก. ราละเอียด 10 กก. ใบกระถิ่นป่น 3 กก. ข้าวโพดป่นหรือแป้ง 1 กก. ส่าเหล้า 1 กก. หินฟอสเฟต 1 กก. ปูนโดโลไมท์หรือปูนขาว 1 กก. ดีเกลือ 0.1 กก. การบรรจุถุงพลาสติก ถุงพลาสติกที่นามาบรรจุวัสดุเพาะเห็ดนิยมใช้ถุงกันร้อน พับก้นเรียบร้อยแล้ว สาหรับวัสดุเพาะที่เป็นขี้เลื่อย นิยมใช้ถุง ขนาด 6.5 x 12.5 นิ้ว หนา 0.10 มม. ถ้าเป็นฟางใช้ 9x13 นิ้วหนา. 10มม. การบรรจุวัสดุเพาะลงในถุงนั้นควรบรรจุประมาณ 3 ใน 4 ของความสูง กด ทุบ เพื่อให้วัสดุเพาะแน่นพอสมควรหรือพยายามให้อากาศเหลือน้อยที่สุดในถุง แล้วจึงใส่คอขวด อุดด้วยจุกประหยัดสำลี

วัสดุ อุปกรณ์ ที่สำคัญในการเพาะเห็ดขอนขาว


วัสดุเพาะ  วัสดุเพาะที่นิยมมากที่สุด คือจากไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้ยางพารา ไม้งิ้ว ไม้นุ่น ไม้ก้ามปู ไม้กระถินณรงค์ กากเป็นไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้มะขาม ไม้ทุเรียน ไม้ขนุน ต้องทาการหมักสลายยางไม้เสียก่อน วัสดุเพาะที่นิยมกรณีที่ไม่มีขี้เลื่อย คือ ฟางข้าว ต้นข้าวโพดต้นข้าวฟ่าง วัสดุเพาะดังกล่าวนี้หากนำไปเพาะเห็ด จะทำให้ผลผลิตค่อนข้างสูงคุณภาพดี ไม่มีกลิ่นไม้ รสชาติดีกว่า แต่ต้องทำการหมักจนกว่าวัสดุเพาะจะนิ่มและหอม จึงจะสามารถนำไปเพาะเห็ดได้

สูตรอาหาร เป็นเห็ดที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ดังนั้น การที่จะเพาะเห็ดให้ได้ผลผลิตสูง คุณภาพดี ก็ควรทำการเสริมหรือเติมธาตุอาหารที่เห็ดต้องการเข้าไปให้ครบถ้วน

เห็ดขอนขาว

             

        เห็ดขอนขาว เป็นเห็ดที่ชาวอีสาน ใช้เรียกเห็ดชนิดหนึ่ง ที่ชอบขึ้นตาม ขอนไม้ตระกูล เต็งรัง และ ไม้มะม่วง เห็ดชนิดนี้ จะพบเป็นจำนวนมาก ในช่วงที่ฝนชุก หรือในช่วงต้นฝน ในภาคกลาง จะเรียกเห็ดชนิดนี้ว่า เห็ดมะม่วง ลักษณะของดอกเห็ด จะเป็นสีขาวนวล หรือสีครีมกึ่งเหลืองอ่อน ในช่วงที่ขอบหมวกดอก ยังม้วนงอ เมื่อหงายขึ้นมอง จะไม่เห็นครีบใต้ดอก หรือเห็นแค่บางส่วน ในบริเวณที่ครีบติดกับก้านดอก ในช่วงนี้เป็นช่วงที่เหมาะ สำหรับเก็บมารับประทานที่สุด เมื่อดอกเริ่มแก่ ขอบหมวกดอก จะค่อยๆ เผยอออก และคลายให้เห็นครีบ บริเวณใต้หมวกดอก และหลังจากนั้น ขอบหมวกก็จะยกขึ้น จึงทำให้ดอกเห็ด คล้ายกับรูปถ้วย หรือจานก้นลึก ซึ่งเมื่อถึงระยะนี้ ดอกเห็ดจะเหนียว และรับประทานยาก เมื่อนำเห็ดขอนขาว ไปประกอบอาหาร จะให้รสชาติหวาน และเหนียวเล็กน้อย คล้ายกับเนื้อสัตว์ เป็นที่นิยมบริโภคกันมาก ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือตอนบน
             ชื่อท้องถิ่น : เห็ดกระด้าง เห็ดมะม่วง เห็ดลม
             ชื่อสามัญ : Log White Fungi
             ชือวิทยาศาสตร์ : Lentinus Squarrosulus (Mont.) Singer
             ชื่อวงศ์ : Pleurotaceae
   ลักษณะทางวิทยา ของ เห็ดขอนขาว
         หมวกดอก (Cap) : มีลักษณะคล้ายรูปถ้วย รูปกรวยตื้น หรือจานก้นลึก มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 2 – 10 เซนติเมตร บริเวณกึ่งกลางของหมวกดอก จะบุ๋มลงเล็กน้อย ส่วนบริเวณผิวหมวกดอก จะมีขนขึ้นปกคลุม เป็นกระจุก มองดูคล้ายเป็นเกล็ด
          ก้านดอก (Stalk) : มีลักษณะแข็ง และเหนียว ติดบริเวณตรงกลาง ของหมวกดอก หรือด้านข้าง โดยส่วนมาก จะไม่อยู่ตรงกึ่งกลางหมวกดอก แต่จะค่อนไปข้างใดข้างหนึ่ง ขนาดของก้านดอก กว้างประมาณ 0.3 – 0.8 เซนติเมตร และ ยาวประมาณ 2 – 5 เซนติเมตรครีบดอก (Gill) : จะอยู่ติดกับก้านดอก เมื่อดอกเห็ดยังอ่อน เนื้อจะบางและเหนียว มีสีขาว หรือสีครีม ขนาดกว้าง ประมาณ 1.5 – 2 เซนติเมตร มีก้านชูสปอร์ เป็นรูปกระบอง ขนาด 17 – 22 x 3.5 – 5 ไมครอนสปอร์ (Basidiospore) : เป็นสีขาว มีลักษณะใส ผนังเรียบ เป็นรูปยาวรี มีขนาด 5 – 6.5 x 1.7 – 2.5 ไมครอน
     ประโยชน์ ของ เห็ดขอนขาว
           • ช่วยแก้ไขพิษ บำรุงตับ บำรุงกำลัง และเสริมสร้างการทำงาน ของระบบขับถ่าย
           • สารสะกัดเห็ดขอนขาว สามารถลดไขมันในเลือด ของผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ติดเชื้อ HIV ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ผู้ป่วย มีอายุยืนยาวมากขึ้น
           • สารสกัดหยาบด้วย เอทิล อะซิเตท (Ethyl Acetate) ที่ได้จากส่วนเซลล์ของ เห็ดขอนขาว มีฤทธิ์ในการต่อต้าน อนุมูลอิสระ

                 เห็ดขอนขาว จัดเป็น เห็ดสมุนไพร ที่มีสรรพคุณ เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย ช่วยแก้พิษ ช่วยทำให้ระบบขับถ่าย สามารถทำงาน ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้แล้ว ยังมีงานวิจัย เกี่ยวกับเห็ดขอนขาว คือ การต่อต้าน ปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation Reaction) จากอนุมูลอิสระ ซึ่งได้จากสารสกัดหยาบ ของส่วนเซลล์ ในเห็ดขอนขาว (Lentinus Squarrosulus) ด้วย Ethyl Acetate สำหรับ เห็ดขอนขาวแบบสด หรือแบบแห้ง สามารถนำมาต้มกับน้ำจนเดือด แล้วให้ผู้ที่มีร่างกายอ่อนเพลีย จากการทำงาน หรือยังไม่แข็งแรง เนื่องจากเพิ่งฟื้นจากไข้ สมรรถภาพทางเพศ ไม่ค่อยจะดี รับประทานทั้งน้ำ และเนื้อเห็ด เป็นประจำ จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง และยังมีผลจากการวิจัย พบว่า แคปซูลจากสารสะกัดเห็ดขอนขาว ช่วยลดปริมาณไขมันในเลือด ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน และผู้ที่ติดเชื้อ HIV ได้ผลที่ดี ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยโรคดังกล่าว สามารถมีอายุที่ยืนยาว ต่อไปได้อีก ในเรื่องของราคา เห็ดขอนขาว มีราคาที่ค่อนข้างสูง และสูงกว่าเห็ดพื้นเมืองชนิดอื่นๆ จึงได้มีการพัฒนา เพื่อการเพาะเลี้ยง เป็นการค้าอีกด้วย